กระทรวงการคลังยืนยันเดินหน้าเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 100% ในปีนี้ หลังจัดเก็บในอัตราลด 90% มากว่า 2 ปี ค่ายอสังหาฯ ตื่นตัวเตรียมดัมป์ราคาระบายสต๊อก หนีภาษีที่ดิน เอกชนชี้กระทบกลุ่มเฉพาะเศรษฐี และกลุ่มทุนใหญ่ถือแลนด์แบงก์สะสม ยิ่งมูลค่าสูงยิ่งถูกจัดเก็บเยอะ

จากกรณีที่ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง จะเดินหน้าจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 100% ในปีนี้ หลังจากที่คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เสนอให้กระทรวงการคลังขยายเวลาลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างลง 90% ออกไปอีก 2 ปี เพื่อบรรเทาผลกระทบจากโควิด-19 โดยล่าสุด กระทรวงการคลังยืนยันว่าจะไม่ขยายเวลาลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างออกไปอีกแล้ว หลังจากกระทรงการคลังลดภาษีให้แล้ว 2 ปี เพราะการลดภาษีที่ดินแต่ละครั้ง ทำให้รายได้ของท้องถิ่นหายไปถึง 30,000 ล้านบาท ทั้งนี้ การจัดเก็บภาษีที่ดินเป็นรายได้หลักที่นำเข้าสู่ท้องถิ่น ซึ่งตามหลักรัฐบาลต้องหาเงินซื้อหวยออนไลน์ถูกกฎหมายมั่นใจได้ไปชดเชยให้ท้องถิ่น

อสังหาฯ เร่งระบายสต๊อก หนีจัดเก็บภาษีที่ดิน

ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยถึง การกลับไปใช้อัตราจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างซึ่งจะเริ่มในปี 2565 หลังจากกระทรวงการคลังลดภาษีในการจัดเก็บไปช่วง 2 ปีถึงร้อยละ 90 ว่า แน่นอนเป็นต้นทุนของผู้ประกอบการ และเป็นหลักเลยที่ผู้ประกอบการออกมาเรียกร้องก่อนหน้านี้ ขณะที่ในภาคประชาชนที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยนั้นไม่ได้รับผลกระทบ แต่จะมีส่วนที่ขัดแย้งกัน คือ เรื่องที่เราส่งเสริมให้มีการซื้อบ้านหลังที่สองและสามสามารถทำได้ โดยมีการผ่อนเกณฑ์มาตรการเรื่อง LTV (loan-to-value หรืออัตราส่วนการให้สินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยเทียบกับมูลค่าที่อยู่อาศัย) แต่หากเจ้าของทรัพย์หรือที่มีบ้านหลังที่สองไม่มีชื่อในทะเบียนบ้านตามระยะที่ระบุไว้จะไม่ได้ลดหย่อนและต้องเสียในส่วนของภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจะทำให้เรามีภาระภาษีต่อไป

“ท่าทีที่ชัดเจนเกี่ยวกับการคงจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างอาจจะขัดแย้งต่อนโยบายส่งเสริมตลาดบ้านหลังที่สองและสาม ที่จะช่วยภาคอสังหาริมทรัพย์ขับเคลื่อนลากเศรษฐกิจไปอาจจะมีข้อสะดุดอยู่ สิ่งที่ผู้ประกอบการสามารถปรับตัวได้ คือ การเร่งระบายสินค้าคงค้างที่โอนพร้อมอยู่ออกไปให้มากและเร็วที่สุด เพื่อให้อยู่ในระยะเวลาที่กฎหมายของภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างกำหนดไว้ เพื่อบริหารต้นทุนที่จะเกิดขึ้น แน่นอนจะเป็นผลดีต่อผู้ซื้อบ้านที่จะได้ลดราคาลง”

อนึ่ง ตามข้อมูลที่ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธอส. ระบุถึงภาพรวมตลาดอสังหาฯ ในปี 65 (ก่อนมีโอมิครอน) ว่า เดิมคาดว่าตัวเลขที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่กรุงเทพฯ-ปริมณฑลอยู่ที่ 85,911 หน่วย เติบโตถึงร้อยละ 99.6 การโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ 324,22 หน่วย มูลค่า 879,886 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 5.3

โดยพบว่า หน่วยเหลือขายใน 27 จังหวัด คงเหลือ 282,764 หน่วย มูลค่าประมาณ 1,250,479 ล้านบาท (ณ ครึ่งแรกปี 64) ซึ่งตัวเลขน่าจะปรับตัวลดลง เนื่องจากผู้ประกอบการชะลอการเปิดโครงการและทำโปรโมชันกระตุ้นยอดโอนกรรมสิทธิ์เต็มที่

=
ชี้เก็บภาษีที่ดินกระทบเศรษฐี

นายสุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟีนิก พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ คอนซีลแทนซี่ จำกัด กล่าวว่า การจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดที่อยู่อาศัยและประชาชนทั่วไป แต่จะส่งผลกระทบต่อกลุ่มเศรษฐีหรือผู้มีที่ดินสะสมจำนวนมาก รวมถึงผู้ถือครองที่อยู่อาศัยที่มีมูลค่ามากกว่า 50 ล้านบาทขึ้นไป ส่วนบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่จะได้รับผลกระทบจากการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างคาดว่าจะมีจำนวนไม่มากเนื่องจากปัจจุบันบริษัทอสังหาฯ ไม่เน้นนโยบายการถือครองที่ดินรอการพัฒนา แต่จะเน้นซื้อที่ดินเข้ามาและพัฒนาโครงการในทันที

อย่างไรก็ตาม บริษัทอสังหาฯ ที่มีการถือครองที่ดินสะสมในมือจำนวนมากจะได้รับผลกระทบเพิ่มขึ้นตามจำนวนที่ดินที่มีการถือครอง หากไม่สามารถนำที่ดินมาพัฒนาโครงการใหม่ภายใน 3 ปี เนื่องจากกฎหมายกำหนดว่าที่ดินที่ทิ้งรกร้างจะถูกจัดเก็บภาษีในอัตราก้าวหน้า ซึ่งอัตราก้าวหน้านี้จะจัดเก็บในระยะเวลาทุกๆ 3 ปี และหากใน 3 ปีแรกยังไม่มีการใช้ประโยชน์ที่ดินแปลงดังกล่าว ในอีก 3 ปีถัดไปจะมีการจัดเก็บภาษีในอัตราก้าวหน้าแบบขั้นบันได ซึ่งจะทำให้ผู้ถือครองที่ดินต้องจ่ายภาษีสูงขึ้นตามมูลค่าของที่ดินที่ถือครองไว้

“ที่ผ่านมาเราจะเห็นว่าที่ดินแปลงขนาดใหญ่ในพื้นที่ใจกลางเมืองและที่ดินแปลงใหญ่ในพื้นที่เลียบเส้นทางรถไฟฟ้าถูกนำมาใช้ประโยชน์โดยการปลูกพืชผัก เช่น มะนาว กล้วย เพื่อเลี่ยงการจัดเก็บภาษีในอัตราก้าวหน้า”

By admin